บทสรุปที่ยังไม่มีข้อสรุป : ความสนุกที่ไม่มีวันตาย

Story by Sorarat Jirabavornwisut

“บ้านทรายทอง” ถือเป็นงานวรรณกรรมที่ประสบความสำเร็จมากตรงวิธีเขียนเป็นสื่อรับง่าย ไม่ว่าใครก็สามารถเข้าถึงความสนุก ตื่นเต้น มีรสชาติของเนื้อหาสาระ ซึ่งสร้างอย่างประณีต คือสมบูรณ์ทั้งความเป็นไปได้ สมจริง และความงดงาม อาจมองได้ว่าแม้จะถูกแปรรูปเป็นวรรณกรรมเพื่อการแสดงอย่างภาพยนตร์ หรือละครโทรทัศน์ที่สื่อเนื้อหาสาระออกมาอย่าง “ผิดเพี้ยน ต่ำต้อย” ไปบ้าง แต่ก็เพียงพอกับความพอใจหรือความต้องการของคนส่วนใหญ่ คืออย่างน้อยก็ได้เห็นได้สัมผัสรสชาตินวนิยายในส่วนที่สัมพันธ์กับความคิดฝันของตน อาทิเช่น ความเก่งกาจและดีเป็นที่ถูกใจของนางเอก การได้ครอบครองบ้านที่มั่งคั่งหรูหรา และการครองรักกับชายในอุดมคติ เป็นต้น
ความนิยมในบทประพันธ์พาฝันเรื่อง “บ้านทรายทอง” อย่างไม่เสื่อมคลาย จนถูกนำมาแปรรูปเป็นวรรณกรรมเพื่อการแสดงอื่นๆ อาทิ ละครเวที ละครวิทยุ ละครโทรทัศน์ และภาพยนตร์หลายต่อหลายครั้ง กระทั่งนำมาสู่ละครเวทีเรื่อง “อลหม่านหลังบ้านทรายทอง” นั้นทำให้อดตั้งคำถามไม่ได้ว่า ความสนุกสนานเพียงอย่างเดียวเท่านั้นหรือที่สร้างความประทับใจให้กับผู้คนมายาวนานรุ่นแล้วรุ่นเล่า หรือมีความนัยความหมายอะไรบางอย่างที่ซ่อนเร้นอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของนวนิยายเรื่องนี้
หากพิจารณาในแง่ของการตีความตามแนวคิดสัญวิทยา (Semiology) คำว่า “บ้านทรายทอง” ชวนให้นึกถึงภาพบ้านที่สร้างด้วยทรายสีทอง ไม่อย่างนั้นก็ทองที่เป็นเม็ดละเอียดเหมือนทราย บ้านซึ่งเมื่อแรกเห็นทุกคนต้องตะลึงกับประกายความแวววาว ดูหรูหราล้ำค่า ทว่าหลังจากนั้นกลับค่อยๆได้พบความจริงว่าบ้านที่ภายนอกดูโออ่าสวยงามหลังนี้ แท้ที่จริงแล้วไม่ได้มีความมั่นคงอยู่เลย เม็ดทรายที่เกาะกันอย่างหลวมๆซึ่งอาจพังทลายลงมาชั่วพริบตาได้ทุกเวลานาที


ภาพของบ้านซึ่งสร้างด้วยทรายสีทองเป็นภาพเปรียบของผู้คนที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ พวกซึ่งเรียกตัวเองว่าผู้ดี และดูถูกเหยียดหยามผู้อื่นที่มีฐานะต่ำต้อยกว่า ทว่าแท้ที่จริงแล้วคนพวกนี้ก็ดูดีแค่เปลือกนอก ข้างในนั้นมีมุมมืดมากมายซ่อนอยู่ในจิตใจทั้งความละโมบ อิจฉาริษยา อาฆาตแค้น การโกหกหลอกลวง การให้ร้ายกัน และอื่นๆ สะท้อนให้เห็นว่าบ้านที่ภายนอกดูใหญ่โตหรูหรา แต่ภายในกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย
ความไม่ปกติของคนในบ้านหลังนี้สะท้อนออกมาในสองลักษณะได้แก่อาการเจ็บป่วยทางกายอย่างที่เกิดกับพระยาราชาพิพิธซึ่งนอนป่วยอยู่กับที่นานปีอย่างหมดหนทางรักษา และชายน้อยที่พิการตั้งแต่เกิดด้วยใบหน้าที่บิดเบี้ยว แข้งขาลีบเล็กเดินไม่ได้ ลักษณะอีกอย่างหนึ่งคือความเจ็บป่วยในจิตใจซึ่งแสดงออกด้วยอาการทางจิตของตัวละครอย่างหญิงใหญ่ผู้จมอยู่กับความทุกข์ระทมในอดีต จึงทำให้เก็บกด และคุ้มดีคุ้มร้ายในบางเวลา นอกจากนี้ ความเสื่อมทางศีลธรรมของตัวละครอย่างหม่อมพรรณราย และหญิงเล็กก็นับได้ว่าเป็นพวกที่มีความบกพร่องทางจิตอีกรูปแบบหนึ่ง
ชายกลางถือเป็นตัวละครที่หลายคนมองว่าถูกสร้างให้เป็นพระเอกอย่างสมบูรณ์แบบ โดยไม่มีข้อบกพร่องอย่างตัวละครอื่นๆที่อาศัยอยู่ในบ้านทรายทอง แต่เมื่อพิจารณาอย่างละเอียดแล้ว กลับพบว่าตัวละครอย่างชายกลางคือภาพสะท้อนของผู้ชายไทยในยุคสมัยที่ยังยกย่องให้ผู้ชายเป็นใหญ่ในครอบครัว (patriarchy) ขณะที่ผู้หญิงเปรียบเสมือนประชาชนชั้นสอง เห็นได้ชัดว่าความวุ่นวายต่างๆที่เกิดขึ้นระหว่างพวกผู้หญิงในบ้านจบลงได้อย่างง่ายดายทันทีที่ชายกลางกลับมาจากเมืองนอก การตัดสินใจของเขาถือเป็นสิ่งที่เด็ดขาด ผู้อื่นไม่มีสิทธ์โต้แย้งใดๆ ทั้งสิ้น ทำได้แต่เพียงเชื่อฟัง ยึดถือและปฏิบัติตามโดยดุษณีเท่านั้น


น่าสังเกตว่าในยุคแรกเริ่มแห่งประชาธิปไตยในขณะนั้น ชายกลางยังปกครองคนในบ้านทรายทองด้วยอำนาจสิทธิ์แบบเผด็จการ ไม่ต่างจากบทบาทของจอมพล ป.พิบูลสงครามผู้นำรัฐที่มีอำนาจสูงสุดและตัดสินใจทุกอย่างได้โดยเบ็ดเสร็จเด็ดขาด หรือภาพการกลับมายังบ้านทรายทองของชายกลางเป็นภาพที่ไม่ต่างจากการกลับมาสู่อำนาจของจอมพล ป.พิบูลสงคราม ทั้งในแง่ของการเป็นผู้นำที่ทุกคนยอมรับ และบุคคลซึ่งใครต่อใครต่างฝากความหวังว่าจะมากอบกู้สถานการณ์ให้ร้ายกลับกลายเป็นดีได้อีกครั้ง

แนวคิดหนึ่งที่สะท้อนผ่านนวนิยายอย่าง “บ้านทรายทอง” ก็คือชนชั้นไม่ใช่เครื่องหมายที่บ่งบอกคุณค่าความดีเลวของคนเรา เพราะคนชนชั้นไหนๆก็ดีเลวได้ไม่น้อยไปกว่ากัน การแก้ปัญหาในสังคมจึงไม่ใช่การขจัดใครออกไป โดยมองเพียงว่าเขาอยู่ในชนชั้น ฐานะ หรือชาติตระกูลใด แต่ต้องมองลึกๆเข้าไปในจิตใจของแต่ละบุคคลมากกว่า เพราะความดีเลวเท่านั้นที่จะเป็นเครื่องวัดคุณค่าของคนๆนั้นได้

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นนวนิยายเรื่อง “บ้านทรายทอง” ของ ก.สุรางคนางค์ หรือ “บ้านทรายทอง” ที่แปรรูปเป็นสื่อการแสดงรูปแบบอื่นๆ แม้กระทั่งละครเวทีเรื่อง “อลหม่านหลังบ้านทรายทอง” ของดารกา วงศ์ศิริ จะเล่าเรื่องจบลงอย่างสุขนาฏกรรมทั่วไป ซึ่งการปิดเรื่องในลักษณะนี้มักเป็นที่นิยมในหมู่นักเขียนวรรณกรรมพาฝันส่วนใหญ่ เพราะการจบเรื่องด้วยความสุขสมหวังของตัวละครย่อมเป็นสิ่งที่ผู้อ่านและผู้ชมคาดหวัง ไม่ว่าจะเป็นความสมหวังในด้านความรัก การได้แต่งงานกัน การคืนดีกัน หรือการสำเร็จภารกิจ ย่อมทำให้ผู้อ่านเกิดความอิ่มเอมใจ สุขใจ และประทับใจ อันจะทำให้นวนิยายหรือการแสดงเรื่องนั้นเป็นที่จดจำได้ดียิ่งขึ้น โดยที่คนส่วนใหญ่ประทับใจและมีความสุขเมื่อได้เห็นคนดีมีชีวิตที่ดีงามและเปี่ยมสุข ในขณะที่บรรดาคนชั่วร้ายต้องเดือดร้อนเพราะผลจากการกระทำของตัวเอง

หลายคนอาจมองว่านี่เป็นแค่สูตรการเล่าเรื่องที่นำมาใช้สร้างโลกพาฝันให้แก่ผู้อ่าน แต่อาจมองอีกมุมหนึ่งได้ว่าทั้งหมดเป็นความตั้งใจของผู้เขียนที่จะสร้างวรรณกรรมที่ตอกย้ำถึงพลังแห่งความดีงาม ท่ามกลางเรื่องราวความขัดแย้งระหว่างคนสองกลุ่มซึ่งมีชนชั้นและฐานะที่แตกต่างกันแต่จบลงด้วยการประนีประนอมกัน นับเป็นการมองวิธียุติปัญหาเรื่องเส้นแบ่งของชนชั้นในอีกแนวทางหนึ่ง นั่นคือการใช้หลักมนุษยนิยมและศีลธรรมเข้ามาจับ แทนที่จะมองด้วยแว่นของนักวิชาการแนวรัฐศาสตร์ สังคมศาสตร์ หรือเศรษฐศาสตร์ที่มักแม่นยำต่อกฎเกณฑ์แต่แข็งกระด้างต่อเรื่องของจิตใจ

“บ้านทรายทอง” ยังคงตั้งตระหง่านรอคอยการกลับมา ‘เยี่ยมเยือน’ และ ‘หยิบยก’ เพื่อแปรรูปเป็นวรรณกรรมการแสดงรูปแบบต่างๆ ตราบเท่าที่เรื่องราวความรักของพจมานและชายกลางยังคงครองใจใครต่อใครอยู่อย่างยากที่จะรู้ลืม.



...................................................................................................................................................................



รายการอ้างอิง

ก.สุรางคนางค์. บ้านทรายทอง. กรุงเทพฯ: ณ บ้านวรรณกรรม กรุ๊ป, 2546.

กาญจนา  แก้วเทพ. การวิเคราะห์สื่อ แนวคิดและเทคนิค. กรุงเทพฯ: ภาพพิมพ์, 2552.

กำจร หลุยยะพงศ์ และสมสุข หินวิมาน. หลอน รัก สับสน ในหนังไทย ภาพยนตร์ไทยในรอบสามทศวรรษ (พ.ศ.2520- 2547). กรุงเทพฯ: ศยาม, 2552.

ขจีรัตน์  หินสุวรรณ. การวิเคราะห์วิธีการเขียนบทละครสำหรับสื่อมวลชน: บทเรียนจากงานของสมสุข  กัลย์จาฤก. วิทยานิพนธ์ภาควิชาการสื่อสารมวลชน คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2542.

จ้อย  งอนรถ, ม.ล. ชีวิตและงานของก.สุรางคนางค์. วารสารห้องสมุด3 (ก.ค.-ก.ย. 2502)

จักรกฤษณ์  ดวงพัสตรา. แปล แปลง และแปรรูปบทละคร. กรุงเทพฯ: ศยาม, 2544.

ณัฐพล และนครินทร์ เมฆไตรรัตน์. “การจี้นายควง 6 เมษายน 2491.”(ออนไลน์) เข้าถึงได้จาก: http://www.thaipoliticsgovernment.org, 2552.

ดารกา วงศ์ศิริ.“อลหม่านหลังบ้านทรายทอง.”(ออนไลน์) เข้าถึงได้จาก: http://www.dreambox.co.th,2543.

ดาราวัลย์  เกษทอง. จากบ้านทรายทองถึงเคหาสน์สีแดง ใน โลกหนังสือ 4, 4(ม.ค.2524).

ถิรนันท์  อนวัชศิริวงศ์. บทโทรทัศน์เขียนอย่างไรให้เป็นมือโปร. กรุงเทพฯ: โครงการสุนทรียนิเทศศาสตร์ ภาควิชาวาทวิทยาและสื่อสารการแสดง คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2551.

เทปวิดีโอละครโทรทัศน์เรื่อง “บ้านทรายทอง” ปีพ.ศ.2543.

นิธิ  เอียวศรีวงศ์. บ้านทรายทอง. มติชนสุดสัปดาห์ 20, 1020 (7 มีนาคม 2543).

ปิยะพิมพ์  สมิตดิลก. การเชื่อมโยงเนื้อหา “นวนิยาย” ในสื่อสิ่งพิมพ์และในสื่อละครโทรทัศน์. วิทยานิพนธ์ภาควิชาการ สื่อสารมวลชน คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2541.

เพลินตา. โรงเรียนนักเขียน. พิมพ์ครั้งที่ 7. กรุงเทพฯ: บ้านหนังสือ, 2550.
“พจมานแห่งบ้านทรายทอง.”(ออนไลน์) เข้าถึงได้จาก: http://oldforum.serithai.net/index.php?, 2553.

วรรณกรรมการเมืองไทย 14 ตุลา 16-6 ตุลา 19. กรุงเทพฯ: สายธาร, 2544.

วิกิพีเดียสารานุกรมเสรี. “บ้านทรายทอง.” (ออนไลน์) เข้าถึงได้จาก: http://th.wikipedia.org, 2552.ชัยสิริ สมุทวณิช.
_________________. “รัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ.2490.” (ออนไลน์) เข้าถึงได้จาก: http://th.wikipedia.org, 2552.

สมสุข  กัลย์จาฤก, “ศิลปะการเขียนบทละครโทรทัศน์โดย สมสุข  กัลย์จาฤก, “บรรยายพิเศษแก่นิสิตนิเทศศาสตร์ชั้นปีที่ 4 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 9 มกราคม 2541.

สุวรรณา เกรียงไกรเพ็ชร์, บรรณาธิการ. ทางสายใหม่แห่งวรรณกรรมไทย: ทัศนะวิจารณ์ต่อนวนิยายยุคแรก.กรุงเทพฯ: ชมนาด, 2548.

เอกสารการสอนชุดวิชาการสร้างสรรค์รายการโทรทัศน์ สาขาวิชานิเทศสาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมธิราช หน่วยที่ 6-10. นนทบุรี: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, 2550.


เอื้องอรุณ  สมิตสุวรรณ. การวิเคราะห์การเขียนบทละครโทรทัศน์เรื่อง “ปริศนา”. วิทยานิพนธ์ภาควิชาการสื่อสารมวลชน คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2535.

Cover Illustration by PankTango


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Riding Alone for Thousands of Miles : หนังเก่าที่เนื้อหาไม่เคยเก่า

‘ละครอิงประวัติศาสตร์ มหรสพน้ำเน่าของชาวบ้าน’ : เสวนาเกือบวิชาการระหว่างนิสิตปริญญาโทกับป้าสารภี